ประวัติความเป็นมา

       จากภาพรวมอุตสาหกรรมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย เมื่อตลาดเกิดการชะลอตัวจากวิกฤติเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยขาขึ้น หรือ แม้กระทั่งสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ตลอด ระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการหลายรายได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่ยังมีผู้ประกอบการที่ยังคงอยู่ได้ในสภาวะเช่นนี้คือ ผู้ประกอบการรายใหญ่ หรือ ผู้ประกอบการบริษัทมหาชน เนื่องจากผู้ประกอบการบริษัทมหาชนมีจุดแข็งในด้านการทำการตลาดที่แข็งแกร่ง บุคลลากรที่มีเพียงพอ รวมถึงเงื่อนไขทางการเงิน โดยสามารถออกหุ้นกู้เพื่อลงทุนในโครงการได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ต่างจากผู้ประกอบการรายเล็กรายกลาง ที่มักประสบปัญหาทางการเงิน การตลาด โดยรายเล็กมักถูกปฏิเสธสินเชื่อโครงการ จึงมีการหันไปกู้ยืมจาก ผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง และ ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมต่างๆก็สูงตามไปด้วย

       และในแง่บุคลากร มักไม่พร้อมในทุกด้านเพราะงบประมาณที่จำกัด อีกทั้งการจัดงบประมาณมักไม่คุ้มค่าเนื่องจากจำนวนยูนิตมีไม่มาก จึงทำให้ต้นทุนต่อยูนิตค่อนข้างสูง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการรายเล็ก รายกลาง มักสูงกว่า ผู้ประกอบการบริษัทมหาชน ซึ่งทางบริษัทเห็นช่องว่างการตลาด จึงก่อตั้งบริษัทขึ้นมาทำการตลาดให้กับผู้ประกอบการรายเล็กและรายกลาง โดยขายและทำการตลาดผ่านเครือข่ายทีมขาย เหมือนธุรกิจประกันภัยและธุรกิจขายบัตรเครดิต ขายสินเชื่อ ซึ่งบริษัทได้ศึกษาโมเดลธุรกิจของเจ้าของโครงการรายใหญ่ ทั้งการรวบรวมนักขายต่างๆ การทำสื่อโฆษณาทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ ซึ่งทางบริษัทได้นำกลยุทธ์ของเจ้าของโครงการรายใหญ่ มาปรับใช้กับเจ้าของโครงการ รายกลาง รายเล็ก